2023-12-26 By. Admin [View 1350]
ผู้ถือหุ้น NUSA รวมตัวร้อง “ดีเอสไอ” เหตุจ่อขายทรัพย์สินบริษัทล็อตใหญ่ 1.1 หมื่นล้าน เชื่อหลายธุรกรรมไม่โปร่งใสจนขาดทุน 8 ปี รวด
ถือหุ้นรายย่อย NUSA สุดทน รวมตัวร้อง “ดีเอสไอ” ตรวจสอบมติคณะกรรมการขายทรัพย์สินบริษัทออก 1.1 หมื่นล้านบาท แทบหมดบริษัท แต่ไม่รายงานหรือจัดประชุมผู้ถือหุ้น เข้าข่ายปกปิดธุรกรรมสำคัญ หลอกลวงนักลงทุน วอนหน่วยงานรัฐจัดการโดยเร็ว ก่อนเกิดความเสียหายเกินเยียวยา แก่นักลงทุนรายย่อยเกือบ 1 หมื่นคน เชื่อหลายธุรกรรมที่ถูกเรียกชี้แจง มีส่วนทำบริษัทขาดทุนรวด 8 ปี รวมขาดทุนสะสมกว่า 3 พันล้านบาท
นายเสรี หัตถะรัชต์ ตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนใน บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยหลังนำผู้ถือหุ้นรายย่อยรวม 30 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่านักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือจากดีเอสไอ ให้ตรวจสอบการดำเนินการที่เชื่อว่าไม่โปร่งใสของคณะกรรมการ NUSA ที่อนุมัติให้ผู้บริหารขายทรัพย์สินของบริษัท ออกไป 6 รายการเป็นเงินกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท หรือเกือบ 70% ของทรัพย์สินทั้งหมดบริษัท 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อบริษัทอย่างมหาศาล โดยไม่ได้แจ้ง หรือจัดการประชุมให้ผู้ถือหุ้นในฐานะเจ้าของบริษัทตัวจริงได้รับทราบหรืออนุมัติเชื่อว่าเป็นการปกปิดธุรกรรมอันมีสาระสำคัญในการดำเนินงานอาจจะเข้าข่ายหลอกลวงนักลงทุน ละเมิดสิทธิ์ผู้ถือหุ้น และยังเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
“ถ้าหน่วยงานรัฐไม่ช่วยยับยั้งการกระทำดังกล่าวโดยเร็วหากเกิดความเสียหายจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเพราะมีผู้ถือหุ้นรายย่อยใน NUSA เกือบ 1 หมื่นราย ในจำนวนนี้มีผู้ถือหุ้นมากมายที่เข้ามาลงทุนใน
#NUSA เพราะเชื่อตามที่ฝ่ายบริหารนำเสนอว่าบริษัทจะเข้าสู่ธุรกิจพลังงานจะมีรายได้ที่มั่นคง นักลงทุนก็คล้อยตาม เพราะช่วงไวรัสโควิด -19 ระบาด ธุรกิจพลังงานแทบไม่ได้รับผลกระทบ จึงพากันเข้ามาลงทุน แต่มาวันนี้กลับมีมติขายธุรกิจพลังงานทิ้งทั้งหมด โดยไม่แจ้งผู้ถือหุ้น แบบนี้เข้าข่ายหลอกลวงนักลงทุนหรือไม่”
นายเสรี กล่าวว่า นอกจากขายทรัพย์สินออกไปครั้งมโหฬารกลุ่มนักลงทุนรายย่อยก็ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการขายทรัพย์สิน ว่าจะเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่ เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมามักถูกหน่วยงานกำกับดูแลทั้งผู้ตรวจสอบบัญชี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรียกชี้แจงบ่อยครั้ง เช่น กรณีล่าสุดที่ผู้บริหาร NUSA นำโครงการ
อสังหาฯ ของบริษัทไปขายให้กับบริษัทที่มีญาติตัวเองเป็นกรรมการในราคาต่ำกว่าตลาดพอถูก ตลท. เรียกชี้แจง ก็อ้างว่าทำไปเพราะเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริต ทั้งที่เป็นผู้บริหารมานาน มาอ้างแบบนี้ฟังขึ้นหรือไม่
“เรื่องใหญ่สุดที่จนวันนี้บริษัทก็ยังตอบคำถามได้ไม่ชัดเจน คือ การเข้าซื้อธุรกิจโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ในประเทศเยอรมนี จ่ายเงินไปแล้ว 711 ล้านบาท จากทั้งหมด 740 ล้านบาท ผู้รับเงินไม่ใช่เจ้าของโรงแรม มันผิดปกติหรือไม่ ภายหลังมาประกาศเปลี่ยนจากซื้อธุรกิจโรงแรม ไปซื้อหุ้นบริษัทที่เป็นเจ้าของโรงแรมแทน ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว ผลลัพธ์ตอนนี้ NUSA เลยได้หุ้นบริษัทเยอรมัน ที่มีหนี้สินมากกว่า ทรัพย์สิน 407 ล้านบาท คือได้บริษัทที่หนี้ท่วมเข้ามาส่วนตัวโรงแรมที่ได้มา ก็ยังเปิดบริการไม่ได้ เลยไม่มีรายได้ เรื่องนี้สร้างความเสียหายแก่บริษัท และผู้ถือหุ้นอย่างร้ายแรง”
นายเสรี กล่าวอีกว่า เชื่อว่าการดำเนินธุรกรรมหลายรายการที่ผ่านมาอาจเข้าข่ายไม่โปร่งใสจนถูกเรียกชี้แจงบ่อยครั้ง และเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านั้นอาจมีส่วนทำให้ NUSA ขาดทุนติดต่อกันยาวนานถึง 8 ปี มีผลขาดทุนสะสมมากกว่า 3 พันล้านบาท สร้างความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด ดังนั้น เพื่อความชอบธรรม กลุ่มผู้ ถือหุ้นรายย่อยของ NUSA จะเดินหน้าร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อรักษา
ผลประโยชน์ของตนในฐานะผู้ถือหุ้นภายใต้กรอบกฎหมายอย่างถึงที่สุด
TAGS :