2024-02-27 By. Admin [View 954]
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2566 ว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,052.6 ล้านบาท เติบโต 32.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 4,566.4 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 1,074.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.5% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 653.1 ล้านบาท นับเป็นการสร้างสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยผลสำเร็จจากการบริหารและดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ผลักดันให้แบรนด์ของ SAPPE ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก
ผลสำเร็จในปีที่ผ่านมามีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของยอดขายทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งเซ็ปเป้สามารถขยายช่องทางการขายในตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง โดยประเทศที่โดดเด่นสุดคืออังกฤษ ซึ่งมีการเติบโตสูงถึง 358% โดยแบรนด์ โมกุ โมกุ (Mogu Mogu) น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว สามารถสร้างกระแส Brand Love และแผ่อิทธิพลเชิงบวกไปสู่ตลาดอื่นๆ ในทวีปยุโรปได้สำเร็จ โดยเฉพาะเนเธอร์แลนด์และประเทศใกล้เคียง ซึ่งได้ขยายช่องทางจัดจำหน่ายเข้าสู่ห้างค้าปลีก Mainstream และยังมีแผนจะขยายเพิ่มเติมไปยังห้างค้าปลีกอื่นๆ ที่ยังมีช่องว่างให้ครอบคลุมมากกว่าเดิม
ขณะที่ในประเทศเกาหลีใต้ มีการเติบโตกว่า 20% โดยเซ็ปเป้ได้เข้าไปทำการตลาดมากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาแชมป์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่คนเกาหลีใต้ชื่นชอบ ผ่านการใช้ Trend Culture เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค อาทิ การโปรโมทผลิตภัณฑ์ Mogu Mogu ผ่าน ZEPETO แพลตฟอร์ม Metaverse ใหญ่ที่สุดในเอเชีย รวมถึง Tie-in ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์เกาหลีของ Netflix และในรายการของบีทีเอส (BTS) วงบอยแบนด์ชื่อดังจากเกาหลีใต้ที่ทรงอิทธิพลในระดับโลก เป็นต้น ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 81% และในประเทศคิดเป็น 19% ของรายได้จากการขายรวม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า ปี 2567 เซ็ปเป้ยังคงมุ่งมั่นผลักดันการดำเนินงานให้เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-25% จากปีก่อน ด้วยกลยุทธ์สำคัญในการเร่งเครื่องขยายตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลังเพื่อสานต่อความสำเร็จ โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและอเมริกา ซึ่งในปีนี้เตรียมแผนการตลาดเพื่อสร้างความสนุกและเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดในประเทศก็เตรียมรีแบรนด์ (Rebranding) เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล Sappe Beauti Drink (เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์) เครื่องดื่มสุดฮิตขายดีในไทย ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในปลายไตรมาส 1/2567 นอกจากนี้ ยังเตรียมพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อวางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 20 SKUs เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของกลุ่มผู้บริโภคให้มากที่สุด นอกจากนี้ เซ็ปเป้อยู่ระหว่างทดสอบเครื่องจักรในสายการผลิตใหม่ ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 25% หรือ 44,000 ตันต่อปี โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพานิชย์ปลายไตรมาส 1/2567 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
TAGS :