2024-02-27 By. Admin [View 954]
นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งบริษัทฯ ด้วยกำไรสุทธิ 1,355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 317% และมีรายได้รวม 3,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยมาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PIN ที่มีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในเขตพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของประเทศตลอดจนนำแนวคิดการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Industrial Town) และการมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลช่วยดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ส่งผลให้ยอดโอนที่ดินในปีนี้อยู่ที่ 584 ไร่ เพิ่มขึ้นถึง 178% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่การดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจ Recurring Income ในรอบปี 2566 สามารถผลักดันอัตราการเติบโตของรายได้จากระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรายได้จากโรงงานเช่าและคลังสินค้าที่มีจำนวนผู้เช่าเต็มทุกหลัง รวมถึงรายได้จากการขายไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) ที่เริ่มรับรู้รายได้
“ผลงานในปี 66 ตอกย้ำถึงขีดความสามารถการแข่งขันในการดำเนินงานของ PIN ที่สามารถเก็บเกี่ยวโอกาสรองรับความต้องการของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราขับเคลื่อนสร้างการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์” นายพีระ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 ในอัตรา 0.59 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 12% โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ภายหลังจากได้รับการเห็นชอบของมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 26 เมษายน 2567 นี้
ส่วนเป้าหมายปี 2567 บริษัทฯ มุ่งผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติเพื่อบริหารความเสี่ยงด้านความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ส่งผลดีต่อความต้องการซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงตั้งเป้ายอดขายและโอนที่ดินเพิ่มขึ้น 25% หรือคิดเป็น 750 ไร่ โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 108 ไร่ และมียอดจอง (Pre-sale) จำนวน 334 ไร่ ที่คาดว่าจะทยอยโอนทั้งหมดในปีนี้ รวมถึงกลุ่มธุรกิจ Recurring Income จะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้
TAGS :