2024-04-01 By. Admin [View 793]
นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือAPO ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 2 เม.ย. นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
เนื่องจากมีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันปาล์มสูงขึ้นในทุกภาคธุรกิจ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้ความต้องการด้านอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทที่จะขยายฐานลูกค้า และเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการดังกล่าว รวมถึงแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ
โดยการระดมทุนครั้งนี้บริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้มาลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรในกระบวนการผลิต เปลี่ยนจากหม้อนึ่งแนวนอนเป็นแนวตั้ง เพื่อการลดขั้นตอน ระยะเวลา แรงงาน และลดต้นทุนในการผลิต คาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จและพร้อมดำเนินงานได้ภายในปี 2568 เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันปาล์มดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน กล่าวว่า เชื่อว่า APO จะเป็นหุ้น IPO ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทมีโอกาสขยายธุรกิจอีกมากภายหลังการระดมทุน จากจุดเด่นในการจัดหาผลปาล์มสดที่มีคุณภาพ ผ่านโครงการ Asian Plus+ ส่งเสริมเกษตรกรให้มีความรู้ ความเข้าใจในการตัดทะลายปาล์มสดที่มีคุณภาพมาจำหน่ายกับบริษัท ส่งผลให้บริษัทมีอัตราในการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (OER) สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยของของจังหวัดกระบี่ และค่าเฉลี่ยของประเทศไทยอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ APO ยังมีพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องอยู่ในระดับดี มีกำไรสะสมประมาณ 117 ล้านบาท และมี D/E ต่ำเพียง 0.4 เท่า เงินระดมทุนที่ได้รับในครั้งนี้ ไม่ต้องนำไปชำระหนี้ใดๆ จึงสามารถลงทุนเพื่อการเติบโตของกิจการได้อย่างเต็มที่ และบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด
ขณะที่ราคาหุ้นสามัญเสนอขายหุ้นละ 0.99 บาท อัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี (Price to Book Value : P/BV) มีค่าเท่ากับ 1.00 เท่า ซึ่งเป็นมูลค่าพื้นฐานของกิจการ และมีมูลค่าเท่ากับต้นทุนของผู้ถือหุ้นเดิมที่ทำธุรกิจมายาวนานกว่า 40 ปี อีกทั้งผู้ถือหุ้นเดิมสมัครใจที่จะไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่เพิ่มเติมจากเกณฑ์ Silent Period ของตลาดหลักทรัพย์ฯ (Voluntary Share Lockup) เป็นระยะเวลา 6 เดือน
TAGS :