ข่าวตลาดทุน

Title : บจ.มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและธุรกิจน้ำมัน

2024-08-26 By. Admin [View 565]

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 819 บริษัท คิดเป็น 95.7% จากทั้งหมด 856 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวด 30 มิถุนายน 2567 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 631 บริษัท คิดเป็น 77.05% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 เติบโตต่อเนื่อง โดย บจ. ใน SET มียอดขายเพิ่มขึ้น 8.4% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน บจ. ใน SET มียอดขาย 8,964,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% ขณะที่ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเพียง 4.9% และ 6.0% ทำให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 922,736 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 519,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% และ 9.7% ตามลำดับ สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ 30 มิถุนายน 2567 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ในระดับคงที่ที่ 1.51 เท่า

“การท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ บจ. ภาคธุรกิจการบริการและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีกำไรดีขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค โรงแรม การบิน พื้นที่เช่า ค้าปลีก โรงพยาบาล และโทรคมนาคม อีกทั้งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ธุรกิจน้ำมันปรับดีขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ในครึ่งแรกของปี 2567 บจ. มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเติบโตได้ดี อย่างไรก็ดี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างได้รับผลกระทบจากปริมาณงานภาครัฐ และเอกชนที่ลดลง” นายภากร กล่าว

ผลประกอบการ
อัตราการเติบโตเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (%yoy)
ยอดขาย
กำไรจากการดำเนินงาน
กำไรสุทธิ
บจ. ทั้งหมดใน SET
6.3%
18.7%
9.7%
- บจ. ธุรกิจทั่วไป
5.0%
16.3%
9.5%
- บจ. ธุรกิจน้ำมัน
7.8%
22.1%
10.3%
บจ. ทั้งหมดใน mai
7.7%
44.8%
80.5%

ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) งวด 6 เดือนแรกปี 2567 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตไปในทิศทางเดียวกับ บจ ของ SET โดย บจ. มียอดขายรวม 104,296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% ขณะที่ต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารควบคุมได้ดี ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 8,352 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.8% และ 80.5% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ซึ่งหากไม่นับรวมบริษัทจดทะเบียน 5 อันดับแรก ที่มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากการ Turn around กำไรสุทธิจะเป็น 4,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8%

TAGS :

ข่าวที่เกี่ยวข้อง