2024-09-25 By. Admin [View 236]
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) “MFC” เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 24 กันยายน 2567 ถึงการเข้าซื้อหุ้นโดย Chartered Group (โดย Opus-Chartered Issuances S.A.) จำนวน 31,357,850 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.96 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ จากบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) “CGH” โดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดิมทั้งสองราย ได้แก่ กระทรวงการคลัง และธนาคารออมสิน ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนเดิมที่ร้อยละ 15.92 และร้อยละ 24.94 ตามลำดับ
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการของบริษัทฯ กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญที่บริษัทฯ จะเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รับการสนับสนุนจาก Chartered Group ซึ่งจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าและนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง”
ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใหม่ Chartered Group เป็นบริษัท Private Equity ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุน การบริหารและดำเนินธุรกิจ การเพิ่มศักยภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน อสังหาริมทรัพย์และไลฟ์สไตล์ รวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท) ใน 7 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ เยอรมนี ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อิสราเอล ลักเซมเบิร์ก และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีประชาชนให้ความสนใจด้านการเงินและการลงทุนมากขึ้น และเปิดกว้างในผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทระดับโลกแห่งนี้เข้ามาลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทฯ เปิดเผยว่าการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ของ Chartered Group จะเป็นการลงทุนระยะยาวในประเทศไทย และมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ร่วมกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เช่น กระทรวงการคลังและธนาคารออมสิน เพื่อมุ่งสู่การเป็นพันธมิตรด้านการลงทุนอันดับหนึ่ง ผ่านแนวคิดสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) การนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงิน บริการการเงิน และพันธมิตรนักลงทุนที่ดีที่สุดสู่ตลาดไทย 2) การร่วมมือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อสร้างนวัตกรรมทางการเงินที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่สังคม 3) สร้างเสริมพันธมิตรด้านการบริหารทรัพย์สินส่วนบุคคลในระดับโลก และ4) การส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้แก่นักลงทุนและประชาชนโดยทั่วไปให้เกิดความยั่งยืนในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
อนึ่ง การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งนี้ถือเป็นนิมิตรหมายและโอกาสอันดีในการสร้างเสริมให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และจะทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาการส่งมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าที่ได้มอบความไว้วางใจและให้การสนับสนุนแก่บริษัทฯ มาโดยตลอด ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ รวมถึงเสริมสร้างความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือร่วมใจของผู้บริหารและพนักงานทุกฝ่ายในองค์กรจะนำพาให้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลดีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกราย
TAGS :