2024-11-14 By. Admin [View 42]
นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 958 ล้านบาท เติบโต 23% และมีกำไรสุทธิ 476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากรายได้จากการขายและโอนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองในไตรมาสนี้ 858 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 22% ให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากจีน ในกลุ่มอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองด้วยศักยภาพด้านทำเลที่ตั้ง และความเพียบพร้อมของสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,156 ล้านบาท เติบโต 88% และมีกำไรสุทธิ 1,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) ซึ่งเป็นผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้จากการขายและโอนที่ดินรวมทั้งสิ้น 2,857 ล้านบาท เติบโต 110% และมียอดขายและโอนที่ดิน รวม 9 เดือนแรกสูงถึง 641 ไร่ เพิ่มขึ้น 336 ไร่ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายที่ดิน 305 ไร่ ตอกย้ำถึงศักยภาพความโดดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC และการสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นโครงการนิคมอุตสาหกรรมไปยังกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) บริการให้เช่าโรงงานและคลังสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมบริการพื้นที่ส่วนกลางและระบบสาธารณูปโภคเติบโตมีรายได้เพิ่มขึ้น 18 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ในช่วง 9 เดือนแรกนี้ เราสามารถโอนที่ดินรับรู้เป็นรายได้แล้ว 641 ไร่ จากเป้าโอนที่ตั้งไว้ 750 ไร่ และในช่วงไตรมาส 4 จะดำเนินการโอนที่ดินเพื่อรับรู้รายได้ (Backlog) อีก 195 ไร่ จึงคาดว่าทั้งปีจะสามารถโอนที่ดินรับรู้เป็นรายได้ไม่ต่ำกว่า 800 ไร่ มากกว่าเป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIN กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIN กล่าวว่า คาดการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมนิคมฯ ปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมบนฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม เช่น กลุ่มอุตสาหกรรม Data Center มาที่ประเทศไทย เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของไทยมีศักยภาพรองรับการลงทุนรวมถึงอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์ และโลจิสติกส์ ส่วนเงินบาทที่แข็งค่ามองว่าไม่ได้กระทบกับการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เพราะน่าจะเป็นปัจจัยระยะสั้น และในสายตาของต่างชาติมองว่าประเทศไทยยังน่าลงทุนทั้งด้านทำเลที่ตั้ง และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และที่สำคัญยังสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้
ทั้งนี้ ภายหลังที่บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 7 กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีที่ดินทั้งหมด 1,059 ไร่ คาดว่าจะสามารถเปิดขายที่ดินในช่วงครึ่งปีหลังครึ่งปีหลังของปี 2568 เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, โลจิสติกส์, อุตสาหกรรมสะอาด รวมถึงอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI และ EECโดยบริษัทฯ มีแผนจะเปิดนิคมอุตสาหกรรมใหม่อีก 2 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ และส่วนขยายจากนิคมอุตสาหกรรมเดิม โดยบริษัทฯ จะเซ็นสัญญาดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรม ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ภายในต้นปีหน้า และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการขายที่ดินได้ในปี 2569 ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับรางวัลในงาน “SET Awards 2024” ประเภท Business Excellence ได้แก่ รางวัล Outstanding CEO Awards ในฐานะผู้บริหารที่มีความโดดเด่นในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรางวัล Outstanding Company Performance Awards สำหรับบริษัทที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นและมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ถือเป็นรางวัลที่ตอกย้ำความสำเร็จของบริษัทฯ เป็นอย่างดี
‘PIN’ โชว์ฟอร์มเด่นไตรมาส 3/2567 ทำรายได้รวม 958 ล้านบาท เติบโตกว่า 23% YoYหนุนกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก 1,348 ล้านบาท พุ่งแรง 99% สูงสุดเป็นประวัติการณ์คาดยอดโอนที่ดินในนิคมฯ ทั้งปีทะยานทะลุ 800 ไร่ เกินเป้าหมายที่วางไว้
‘บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค’ หรือ PIN โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 ทำรายได้รวม 958ล้านบาท เติบโต 23% และมีกำไรสุทธิ 476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หลังโอนที่ดินเพิ่มอีก 182 ไร่ ส่งผล 9 เดือนแรกปีนี้โอนที่ดินรวมทั้งสิ้น 641 ไร่ ทำรายได้รวม 3,156 ล้านบาทเติบโตขึ้น 88% และกำไรสุทธิ 1,348 ล้านบาท พุ่งแรง99% ขณะที่ไตรมาส 4 เตรียมโอนที่ดินใน Backlog อีก 195 ไร่ คาดยอดโอนที่ดินทั้งปีทะลุ 800 ไร่ สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 750 ไร่ เผยเตรียมเปิดนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่และส่วนขยายอีก 2 แห่ง รับความต้องการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 958 ล้านบาท เติบโต 23% และมีกำไรสุทธิ 476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากรายได้จากการขายและโอนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองในไตรมาสนี้ 858 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 22% ให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากจีน ในกลุ่มอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองด้วยศักยภาพด้านทำเลที่ตั้ง และความเพียบพร้อมของสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,156 ล้านบาท เติบโต 88% และมีกำไรสุทธิ 1,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) ซึ่งเป็นผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้จากการขายและโอนที่ดินรวมทั้งสิ้น 2,857 ล้านบาท เติบโต 110% และมียอดขายและโอนที่ดิน รวม 9 เดือนแรกสูงถึง 641 ไร่ เพิ่มขึ้น 336 ไร่ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายที่ดิน 305 ไร่ ตอกย้ำถึงศักยภาพความโดดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC และการสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นโครงการนิคมอุตสาหกรรมไปยังกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) บริการให้เช่าโรงงานและคลังสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมบริการพื้นที่ส่วนกลางและระบบสาธารณูปโภคเติบโตมีรายได้เพิ่มขึ้น 18 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ในช่วง 9 เดือนแรกนี้ เราสามารถโอนที่ดินรับรู้เป็นรายได้แล้ว 641 ไร่ จากเป้าโอนที่ตั้งไว้ 750 ไร่ และในช่วงไตรมาส 4 จะดำเนินการโอนที่ดินเพื่อรับรู้รายได้ (Backlog) อีก 195 ไร่ จึงคาดว่าทั้งปีจะสามารถโอนที่ดินรับรู้เป็นรายได้ไม่ต่ำกว่า 800 ไร่ มากกว่าเป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIN กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIN กล่าวว่า คาดการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมนิคมฯ ปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมบนฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม เช่น กลุ่มอุตสาหกรรม Data Center มาที่ประเทศไทย เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของไทยมีศักยภาพรองรับการลงทุนรวมถึงอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์ และโลจิสติกส์ ส่วนเงินบาทที่แข็งค่ามองว่าไม่ได้กระทบกับการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เพราะน่าจะเป็นปัจจัยระยะสั้น และในสายตาของต่างชาติมองว่าประเทศไทยยังน่าลงทุนทั้งด้านทำเลที่ตั้ง และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และที่สำคัญยังสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้
ทั้งนี้ ภายหลังที่บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 7 กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีที่ดินทั้งหมด 1,059 ไร่ คาดว่าจะสามารถเปิดขายที่ดินในช่วงครึ่งปีหลังครึ่งปีหลังของปี 2568 เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, โลจิสติกส์, อุตสาหกรรมสะอาด รวมถึงอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI และ EECโดยบริษัทฯ มีแผนจะเปิดนิคมอุตสาหกรรมใหม่อีก 2 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ และส่วนขยายจากนิคมอุตสาหกรรมเดิม โดยบริษัทฯ จะเซ็นสัญญาดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรม ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ภายในต้นปีหน้า และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการขายที่ดินได้ในปี 2569 ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับรางวัลในงาน “SET Awards 2024” ประเภท Business Excellence ได้แก่ รางวัล Outstanding CEO Awards ในฐานะผู้บริหารที่มีความโดดเด่นในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรางวัล Outstanding Company Performance Awards สำหรับบริษัทที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นและมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ถือเป็นรางวัลที่ตอกย้ำความสำเร็จของบริษัทฯ เป็นอย่างดี
TAGS :